ใช่แล้ว แค่ต้นไม้ต้นหนึ่ง
แม้ว่าหญ้าและต้นไม้จะมีวิญญาณ แต่ก็ยากที่จะเคลื่อนไหว
แม้ว่าในอนาคตจะมีภัยคุกคามเกิดขึ้นจริงแต่ก็คาดการณ์ว่าจะสร้างความเสียหายมากเกินไปได้ยาก
ในอนาคตหากคุณเห็นข้อสงสัยใด ๆ คุณสามารถถอนมันออกอย่างเลวร้ายที่สุด
สำหรับตอนนี้ เย่ฟานก็มีความตั้งใจที่จะดึงสิ่งนี้ออกมาเช่นกัน
แต่หลังจากคิดดูแล้ว หากต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้แห่งจิตวิญญาณที่เหลืออยู่จากแดนสวรรค์จริงๆ ถ้ามันสามารถเปลี่ยนโลกด้วยพลังทางจิตวิญญาณที่เหนื่อยล้า และเปลี่ยนโลกมนุษย์นี้ให้กลายเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับฟุกุซาว่า บันได
หากดึงเอาฤกษ์งามยามดีออกไปได้ด้วยตัวเอง นั่นจะไม่ทำลายโอกาสอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติหรือ?
ดังนั้น หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เย่ฟานก็ยังเลือกที่จะรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น
รออีกสักหน่อยแล้วดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้
หลังจากเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เย่ฟานก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้
ให้ล่าถอยและบุกทะลวงเข้าไปในอาณาจักรลับทันที ,
ตอนนี้เย่ฟานถึงช่วงคอขวดแล้ว
เพียงแค่ดูดซับพลังงานก็ยากที่จะสร้างผลกระทบมากเกินไปต่อฐานการเพาะปลูกของเขา
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับการต่อสู้และการฝึกฝนจริง
และเป้าหมายการต่อสู้ที่แท้จริงของเย่ฟานก็คือนักถลกหนังตัวเก่าโดยธรรมชาติ
ในช่วงเวลาถัดไป เย่ฟานยังคงโจมตีเทคนิคหยุนเต่าเทียนเจว่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งก็คือการเผชิญหน้ากับนักถลกหนัง
“ไปให้พ้น!”
“ หากคุณต้องการทุบตีคุณ จงออกไปข้างนอกแล้วหามนุษย์เหล่านั้นเพื่อทุบตีคุณ!”
“อย่าตะโกนใส่ฉันนะวัวแก่?”
“ฉันชื่อโจ!”
“เย่ฟาน คุณเป็นคนงี่เง่าหรือเปล่า?”
“วัวตัวเก่าของฉันพูดไปแล้วว่าถ้าคุณไม่ต่อสู้กับคุณยังตีฉันอยู่เหรอ?”
“โอ้ เหี้ย!”
“คุณรังแกวัวมากเกินไป ฉันจะสู้กับคุณ!”
เวลาในถ้ำมักจะน่าเบื่อและช้าเสมอ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเสียงรบกวนของเย่ฟานและผู้ถลกหนัง ช่วงเวลาที่น่าเบื่อนี้จึงน่าสนใจยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้แต่เวลาก็ยังรู้สึกเหมือนว่ามันผ่านไปเร็วมาก
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว
เย่ฟานซึ่งโดดเดี่ยวจากโลกภายนอกเป็นเวลาหนึ่งปี ตัดสินใจออกไปดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเทือกเขาคุนหลุนหรือไม่
ในเวลาเดียวกัน นักถลกหนังเฒ่าก็อดใจไม่ไหวจริงๆ และอยากออกไปดูสาวๆ ข้างนอก