เนื่องจากฉันอยู่ในแนวของกองทหารม้าของ ชาเสี่ยว ในแง่หนึ่ง ฉันสามารถทราบได้ว่ากองทหารม้าของ เสี่ยว เสี่ยว ไปที่ใดหลังจากที่เบอร์เกน หายตัวไป และในทางกลับกัน ฉันสามารถทราบได้ว่ากองทหารม้าของ เสี่ยว เสี่ยว มีสถานการณ์พิเศษอะไรบ้าง ยามก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเบอร์เกน
ในหมู่พวกเขา อดีตเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดโดยธรรมชาติ
เพราะเพียงแค่ค้นหาเบาะแสของ เสี่ยว ฉีเว่ย เท่านั้น เราก็จะรู้ได้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิต หลิน ว่านเอ๋อ
อย่างหลัง เราได้แต่หวังว่าจะมีปัญหาที่น่าสงสัยใน เสี่ยว ฉีเว่ย เอง มิฉะนั้นจะเป็นการเสียเวลาเปล่าในการตรวจสอบบรรทัดนี้ไปข้างหน้า
ดังนั้น โอ โบจุน จึงเป็นผู้นำในการเลือกสิ่งแรก และตรวจสอบในยุโรปเหนือเป็นเวลาหลายวัน
เขาค้นหาไปจนถึงเมืองโอสุ แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ
เมื่อเขารู้สึกหดหู่ใจ เขาเพียงแค่หาบาร์ในเมืองโอสุและดื่ม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้สึกเมาเล็กน้อย โทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้รับข้อความจากหมายเลขเสมือน เนื้อหาเป็นเพียงหกคำสั้นๆ: การประชุมจะจัดขึ้นในครึ่งชั่วโมง
เขาเก็บโทรศัพท์มือถืออย่างไม่เต็มใจ หยิบธนบัตรสองใบออกมาแล้ววางไว้ใต้แก้วไวน์ ลุกขึ้นและเดินออกจากบาร์
กลับมาที่โรงแรมที่เขาพัก โอ โบจุน ล้างตัว และเปิดซอฟต์แวร์พิเศษบนโทรศัพท์ตรงเวลา
หลังจากเปิดซอฟต์แวร์ เขาป้อนและออกจากรหัสผ่านก่อน จากนั้นจึงทำการจดจำใบหน้าและจดจำเสียง หลังจากทั้งหมดผ่านไป บัญชีของเขาก็ถูกดึงเข้าสู่ห้องประชุมออนไลน์โดยอัตโนมัติโดยระบบ
บนหน้าจอโทรศัพท์ในขณะนี้ มีหน้าจอขนาดกล่องไม้ขีดไฟทั้งหมดห้าหน้าจอ โดยหนึ่งในนั้นอยู่ตรงกลาง และอีกสี่หน้าจอที่เหลือกระจายอยู่ที่มุมทั้งสี่ของหน้าจอโทรศัพท์
อย่างไรก็ตาม กรอบหน้าจอสามในห้าเป็นสีดำสนิท แสดงว่ายังไม่ได้เชื่อมต่อ และมีเพียงสองคนเท่านั้นที่เชื่อมต่อ ได้แก่ โอ โบจุน ที่ปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอตามเวลาจริง และชายชราในชุดขาว เคราที่มุมซ้ายบน
เมื่อเห็นชายชราเคราขาว โอ โบจุน ก็โค้งคำนับด้วยความเคารพและพูดด้วยรอยยิ้ม “ลุงฉางเซิง ชายชราของคุณอยู่ที่ไหน”
“หยานจิง” ลุงฉางเซิง พูดสองคำเบาๆ
โอ โบจุน รีบถาม: “ถ้าอย่างนั้น ชายชราของคุณมีเงื่อนงำในการตามหา หลิน ว่านเอ๋อ หรือไม่” “
ไม่” ฉางเซิ่งโป ส่ายหัว โดยยังคงถนอมคำพูดเหมือนทองคำ
โอโบจุนยืดเอวของเขา หาวและพูดว่า “โอ้… ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ!”
ในขณะที่เขากำลังพูด มุมซ้ายล่างแสดงให้เห็นใครบางคนที่เชื่อมต่อกัน และใบหน้าของชายวัยกลางคนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
โอ โบจุน ยื่นมือออกมาทักทาย: “ลุง จงยง คุณไม่สนุกกับชีวิตในนิวยอร์คเหรอ?”
ชายที่ชื่อลุง จงยง ยิ้มและพูดว่า: “ฉันกำลังรอที่จะออกมาในครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาให้กับลอร์ดอังกฤษ บอกสิว่ามันเหมือนกันทุกที่”
ในเวลานี้ หน้าจอที่มุมขวาล่างก็สว่างขึ้นเช่นกัน และ ดิงหยวน โบหยุน รูเกอ ก็ปรากฏในหน้าจอ
เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะนั่งอยู่คนเดียวบนเครื่องบินเจ็ทธุรกิจ โอ โบจุน จึงถามว่า “คุณจะไปไหน ลุง ดิงหยวน” หยุน รูเกอ พูดอย่างใจเย็น
“ฉันจะไปตะวันออกไกลเพื่อดูว่ามีแผ่นดินอยู่เบาบาง มีประชากรมาก มันเป็นไปตามข้อกำหนดของ หลิน ว่านเอ๋อ ในการซ่อนตัว”
โอ โบจุน ถามด้วยความประหลาดใจ: “กำลังจะไปตะวันออกไกล?! ทำไมคุณไม่ทักทายล่วงหน้า?”
หยุน รูเกอ พูดอย่างสบายๆ: “คุณและฉันเลือก คนละทางกัน ถ้าฉันทักทายคุณมีความหมายก็ไม่เป็นไร”
โอโบจุนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ ภาพตรงกลางก็สว่างขึ้น และสีหน้าของทั้งสี่คนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จากนั้นพวกเขาก็ ทุกคนหยุดพูดทันที
ภาพตรงกลางเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นแสงสีขาว และไม่เห็นวัตถุอื่นหรือแม้แต่โครงร่าง
ทันทีหลังจากนั้น ฉันได้ยินเสียงที่ประมวลผลโดยเครื่องเปลี่ยนเสียงและถามอย่างเย็นชา: “เป็นไงบ้าง ตรวจสอบเสร็จหรือยัง!”
Amazing Son in Law บทที่ 5392
โอโบกุนครุ่นคิดว่า เขาจะต้องสืบหาเบาะแสการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของเสี่ยวฉีเว่ยกับพวกของเขาทั้งกลุ่มได้อย่างไร เสี่ยวฉีเว่ยได้สูญหายไปขณะออกไปจับกุมตัวหลินว่านเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงต้องสืบหาว่าความเคลื่อนไหวของเสี่ยวฉีเว่ยตั้งแต่เริ่มต้นที่พวกเขารับคำสั่งและเดินทางมาที่เบอร์เกน
เขาต้องสืบหาให้ได้ว่าบุคคลใดกันแน่ที่ยื่นมือช่วยเหลือว่านหลงเอ๋อให้รอดพ้นการจับกุมตัวของเสี่ยวฉีเว่ย
โอโบจุนใช้เวลาสืบหาเบาะแสต่างๆในยุโรปเหนือเป็นเวลาหลายวันแต่เขาก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆแม้แต่เพียงน้อยนิด
เขาจึงออกค้นหาร่องรอยของเสี่ยวฉีเว่ยไปเรื่อยๆจนมาถึงเมืองโอสุ แต่เขาก็ยังคว้าน้ำเหลวเช่นเคย จนเขารู้สึกท้อแท้และเบื่อหน่าย เขาจึงเดินเข้าไปในบาร์เหล้าแห่งหนึ่งเพื่อหวังดื่มให้คลายความกลัดกลุ้ม
เมื่อเขาดื่มไปได้สักพักใหญ่และเริ่มรู้สึกเมามายขึ้นเล็กน้อย เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาสั่นไหวขึ้นมาคราหนึ่ง เมื่อเขาล้วงออกมาเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความที่ส่งมาจากหน่วยเหนือของเขา เป็นรหัสลับที่รู้เฉพาะคนในกลุ่มเท่านั้น ความหมายของรหัสลับนั้นก็คือจะมีการนัดประชุมในอีกครึ่งชั่วโมง
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายและเก็บโทรศัพท์มือถือของเขาใลงในกระเป๋าด้วยอารมฌ์ที่ขุ่นมัว จากนั้นเขาจึงล้วงธนบัตรสองใบซุกไว้ใต้แก้วไวน์ของเขา แล้วลุกขึ้นยืน และสาวเท้าออกจากบาร์แห่งนั้นไป
เมื่อกลับมาที่โรงแรมที่เขาพัก โอโบจุน รีบชำระล้างร่างกาย และเปิดแอปการติดต่อของกลุ่มก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย
หลังจากที่เขาได้ล็อกอินและป้อนรหัสผ่านหลายขั้นตอน เขาจึงได้เข้าสู่มีตติ้งรูม ของกลุ่มได้ ในกลุ่มสนทนาพิเศษมีหน้าต่างเฉพาะบุคคลห้าหน้าต่าง โดยสี่หน้าต่างอยู่ล้อมรอบอีกหนึ่งหน้าต่างใหญ่ที่อยู่กึ่งกลางจอภาพ
เมื่อเขาเข้าสู่ห้องสนทนาเขาได้พบว่านอกจากตัวเขาแล้วยังมีอีกหน้าต่างที่ล็อกอินเข้ามาแล้วเช่นกันเป็นชายชราที่มีเคราสีขาว ส่วนอีกสามหน้าต่างยังว่างเปล่าอยู่
โอโบจุนจึงรีบทำความเคารพและทักทายชายชราเคราขาวอย่างอ่อนน้อมทันทีว่า “สวัสดีลุงฉางเซิง ฉันขอทราบพิกัดตอนนี้ของคุณจะได้ไหม?”
“หยานจิง” ชายชราที่โอโบจุนเรียกว่าลุงฉางเซิงตอบแบบห้วนๆ
โอโบจุนดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้นทันที ร้องถามไปว่า “ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่าพบร่องรอยเบาะแสของหลินว่านเอ๋อบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่พบ!” ฉางเซิ่งโปส่ายศรีษะและพูดตอบโต้แบบห้วนๆเช่นเคย เขาทำเหมือนกับว่า ถ้าเขาพูดมากจะมีสิ่งใดร่วงออกมาจากปากของเขา
โอโบจุน อ้าปากหาวและยืดเอวบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้าแล้วพูดว่า “ไม่นึกเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพรายถึงเพียงนี้!”
ทันใดนั้นหน้าต่างที่ด้านล่างซ้ายมือของจอ ก็ปรากฏหน้าตาของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งขึ้นมา
โอโบจุน รีบประสานมือคารวะและกล่าวทักทายว่า “สวัสดีลุงจงหยง เหตุการณ์ที่นิวยอร์คของคุณเป็นอย่างไรบ้าง มีความคืบหน้าหรือเปล่า?”
ชายที่ถูกเรียกว่าลุงจงหยง ยิ้มอย่างแห้งแล้งและพูดขึ้นว่า “ที่ฉันขอเปิดการประชุมก็เพราะฉันมีปัญหางอย่างและอยากได้รับคำแนะนำจากท่านลอร์ดอังกฤษ คุณช่วยบอกกับฉันหน่อยว่าด้านของคุณมีปัญหาเช่นเดียวกับฉันหรือเปล่า?”
ทันใดนั้นหน้าจอที่มุมขวาล่างก็ปรากฏภาพของดิงหยวนโบ หยุนรูเกอขึ้นที่หน้าจอจากรูปภาพที่ปรากฏดูเหมือนว่าหล่อนจะกำลังเดินทางด้วยบนเครื่องบินเจ็ท โอโบจุน จึงเอ่ยปากถามไปว่า “สวัสดีลุงดิงหยวน คุณกำลังจะเดินทางไปที่ไหนกันแน่?” หยุน รูเกอ ตอบอย่างเฉยเมยว่า “ฉันกำลังจะเดินทางไปที่ตะวันออกกลาง เพื่อสืบหาร่อยรองของหลินว่านเอ๋อร์ เพราะที่นั่นมีแผ่นดินไม่มากนัก แต่ผู้คนกลับล้นหลาม อาจเป็นที่ซ่อนตัวของหลินว่านเอ๋อร์ก็ได้”
โอโบจุน โพล่งออกมาอย่างตัดพ้อว่า “ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนล่ะ ว่าคุณจะไปที่นั่น!?”
หยุน รูเกอ พูดอย่างไม่สนใจว่า “บอกคุณไปเพื่ออะไร? ในเมื่อคุณและฉันเลือกสถานที่ที่แตกต่างกัน”
ขณะที่โอโบจุนมีสีหน้าที่ผิดหวัง และกำลังจะพูดอะไรออกมา หน้าต่างใหญ่ตรงกลางจอก็ปรากฏแสงสว่างขึ้น สีหน้าของเอิร์ลทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พวกเขารีบหยุดสนทนากันทันที
หน้าต่างตรงกลางจอสว่างขึ้น และไม่ปรากฏหน้าตาของผู้คน เป็นเพียงแสงสีขาวเท่านั้น จากนั้นหน้าต่างตรงกลางเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า
“พวกคุณได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า?” แม้แต่เสียงพูดของคนที่อยู่หน้าต่างตรงกลางก็ยังผ่านเครื่องดัดเสียง
………….