หลังจากนั้น ชายชรากล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้ ชื่อฉางหยิง ยังมีความหมายอย่างมากต่อพวกเราชาวจีนอีกด้วย ชายผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า หากวันนี้ ฉางหยิง อยู่ในมือ เขาจะผูกมังกรดำเมื่อใด สองคำนี้ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนเท่านั้น พลังและจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ แต่ยังสร้างแนวความคิดทางศิลปะของการไม่เกรงกลัวและเป็นวีรบุรุษในสนามรบ เมื่อคุณหลับตา ดูเหมือนคุณจะเห็นนายพลหนุ่มโบราณขี่ม้าศึกและกวาดล้างกองทหารนับพันคน ริบบิ้นสีแดงด้านหลังหมวกของเขากำลังจับลมขณะที่ม้าของเขาควบม้าอย่างน่าดึงดูดใจ”
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของพวกเขาก็ยังแดงอยู่เล็กน้อย
เย่ฉางหยิง ลูกชายคนที่สองของตระกูลเย่ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจในหมู่ชาวจีนทั่วโลกในขณะนั้น
น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยและไม่สามารถแสดงความสามารถของเขาบนเวทีระดับโลกได้
และแนวความคิดทางศิลปะที่ชายชราบรรยายไว้ก็ทำให้อบอุ่นใจจริงๆ
ดูเหมือนทุกคนจะเห็นนายพลควบม้าอยู่ในสนามรบและพู่สีแดงปลิวไปตามสายลม
อัน ฉงชิว เป็นคนแรกที่แสดงท่าทีของเขาและพูดด้วยความยินดีอย่างยิ่ง: “เอาล่ะ เยี่ยมมาก! ฉันไม่คัดค้านฉางอิ๋ง ออโตโมบิล!”
“ฉันไม่มีข้อโต้แย้ง!” อัน ไคเฟิง ยกมือขวาขึ้น: “บุคคลที่ฉันชื่นชมมากที่สุดในชีวิตคือพี่เขยของฉัน ฉันเห็นด้วย 100% ที่จะตั้งชื่อตามเขา!”
ลุงคนที่สาม อัน จ้าวหนาน ยังแสดงจุดยืนของเขา: “ฉันก็ไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”
“ฉันก็เหมือนกัน!” อันโหย่วโหยว ยกมือขึ้นทันที
เหอ หยวนเจียง อดไม่ได้ที่จะชื่นชม: “รถยนต์ฉางหยิง ช่างเป็นชื่อที่ดีจริงๆ! เป็นชื่อที่ดีอย่างแน่นอน! หากสามารถออกแบบโลโก้ให้เป็นพู่ยาวสีแดงอันสง่างามได้ มันจะยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน!”
หลี่ ย่าหลิน ยกมือของเขาในเวลานี้และพูดอย่างเขินอาย: “ก็…ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับฉัน แต่ฉันก็ยังอยากจะพูดว่า ฉางหยิง ออโต้โมบิล ชื่อนี้ครอบงำจริงๆ! สมบูรณ์แบบ! ลุงอัน คุณ ต้อง มันเป็นคุณ!”
อัน ฉีซาน ยิ้มและพูดว่า “หยุดประจบฉันได้แล้ว เจ้าหนู”