” ช่างเถอะ…” เซียวชางคุน ขว้างไม้ฟ้าร้องกลับไปที่บูธ และพูดอย่างสบถ: “จางเออร์เหมา คุณเป็นคนจนและบ้าหรือเปล่า? ลูกบอลสองสี?”
จาง เอ้อเหมา พูดอย่างเขินอาย: “ประธานเซียว คุณพูดไปแล้วว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้คือการฉ้อฉล และลักพาตัว ฉันจะโกงเงินได้อย่างไรถ้าฉันไม่ขอราคาที่ยาก… “
เซียว ฉางคุน พูดอย่างโกรธเคือง: “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขโมยมันอย่างเปิดเผยไม่ได้… สมองคุณเป็นอะไรกันแน่!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เอามือไพล่หลังแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อมองไปที่ด้านหลังที่เหมือนเจ้านายของเขา จาง เออร์เหมา ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และคิดกับตัวเองว่า: “อาจารย์เย่ ต้องการให้ฉันเสนอราคาห้าล้าน สำหรับไม้สายฟ้าฟาดนี้ ถ้าคอกของฉันยังเป็นแบบนี้ คนจะด่าฉันสักวัน” สิบหรือยี่สิบครั้ง…”
…
ในขณะเดียวกัน
ที่ชานเมือง หยานจิง วัด ฉางหยุน
ในฐานะที่เป็นวัดลัทธิเต๋าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในประเทศ วัดฉางหยุนถือได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋าในยุคปัจจุบัน
วัดลัทธิเต๋าเต็มไปด้วยเครื่องหอม และสาวกของ หยานจิง ที่เชื่อในลัทธิเต๋ามักจะมาที่นี่เพื่อเซ่นไหว้
วัดฉางหยุน มีเจ้าสำนักและเจ้าอาวาส นอกจากนั้น ยังมีลูกศิษย์รุ่นราวคราวเดียวกันอีกจำนวนมาก รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 300 คน
เจ้าอาวาสใน ลัทธิเต๋า มีตำแหน่งเดียวกันกับเจ้าอาวาสในศาสนาพุทธแต่มีหน้าที่แตกต่างกันมาก เจ้าอาวาสในศาสนาพุทธเป็นผู้ที่มีตำแหน่งและอำนาจสูงสุดในวัดและมีหน้าที่ดูแลกิจการของวัดในขณะที่ เจ้าอาวาสของ ลัทธิเต๋า มีหน้าที่หลักในการเทศนาพระคัมภีร์ เหมือนกับอาจารย์อาวุโสที่สุดในวัดเต๋า แต่บุคคลที่มีอำนาจ ในการจัดการ คือผู้บังคับบัญชา
ฉางเซิ่งโป ซึ่งสวมเสื้อคลุมลัทธิเต๋า เงยหน้าขึ้นมองที่ประตูวัด ฉางหยุน สักครู่แล้วเดินเข้าไปในประตูวัด
วัดฉางหยุน ทั้งหมดแบ่งออกเป็นลานด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลัง แต่เฉพาะลานด้านหน้าเท่านั้นที่เปิดให้ผู้มีศรัทธาและผู้แสวงบุญ มีวัดหลายแห่งที่นี่ โดยเฉพาะวัด ซานชิง ตรงกลาง ซึ่งประดิษฐานพระสังฆราช ซานชิง ในลัทธิเต๋า
ลานตรงกลางและสองลานสุดท้ายคือพื้นที่ภายในของวัดฉางหยุน ซึ่งเจ้าอาวาสและลูกศิษย์อาศัยและศึกษาลัทธิเต๋า
ไม่ว่าจะเป็น เย่เฉิน, ฉาง เซิงโป หรือวีรบุรุษผู้ลึกลับ หรือ เมิ่งฉางเซิง ในภาพวาด พวกเขาล้วนเชี่ยวชาญด้านพลังงานทางจิตวิญญาณ และพวกเขาล้วนฝึกฝนการสืบทอดลัทธิเต๋า
ดังนั้น สิ่งแรกที่ ฉาง เซิงโป ทำเมื่อเขาก้าวเข้าไปในวัดฉางหยุน คือมาที่ ซานชิง ฮอลล์ และหลังจากถวายเครื่องหอมแก่เทพเจ้าสูงสุดทั้งสามแห่งลัทธิเต๋า เขาก็มาหานักบวชลัทธิเต๋าตัวน้อยข้างๆ เขาและพูดว่า: ” เพื่อนลัทธิเต๋าคนนี้ ฉันสงสัยว่าคุณจะให้ฉันอยู่ต่อสักสองสามวันได้ไหม”
นักเต๋าตัวน้อยเห็นว่าลุงฉางเซิงดูเหมือนนางฟ้า และเขามีรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดาซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เฉินทำได้
อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับอารมณ์ที่เหมือนนางฟ้าของเขาและถามด้วยความเคารพว่า “วัดเต๋าใด ที่เป็นหัวหน้า คุณมีใบรับรองหรือไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉาง เซิงโป พูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันฝึกในต่างประเทศมาหลายปีแล้ว และฉันไม่ได้มาจีน หลายปีแล้ว และฉันไม่มีเอกสารใดๆ”
ลุงฉางเซิงไม่โกรธเช่นกัน เขายิ้มอย่างใจเย็นและถามว่า “หัวหน้างานของคุณชื่ออะไร เต๋าของคุณชื่ออะไร”
นักเต๋าตัวน้อยพูดด้วยความเคารพ “หัวหน้างานของเราชื่อเต๋า ชิงซู ซานเหริน” “
ชิงซู?” ลุงฉางเซิงยิ้มเล็กน้อย: “เป็นไปได้ไหมว่าทารกน้อยซวนจีจือรับเลี้ยงในตอนนั้น”
เต๋าน้อยตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
นักโทษ ชิงซู ซานเหริน ซึ่งอายุมากกว่า 70 ปีในปีนี้ ประสบการณ์ชีวิตของเขามีชื่อเสียงมากในลัทธิเต๋าในประเทศ เขาถูกทอดทิ้งนอก ชางหยุน กวนเหมิน เมื่อเขาเพิ่งเกิดและถูกรับเลี้ยงโดยนักโทษ ซวนจิซี เป็นเวลาสิบปีที่เขา ได้ศึกษาลัทธิเต๋ากับ ซวนจิซี แล้วรับตำแหน่ง หัวหน้างาน กล่าวได้ว่าเขาได้อุทิศทั้งชีวิตให้กับลัทธิเต๋า และเขาก็เป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงของลัทธิเต๋าในปัจจุบัน
อาจารย์ที่มีคุณสมบัติเก่าแก่เช่นนี้ถูกเรียกว่าทารกน้อยโดย ฉาง เซิงโป นักเต๋าตัวน้อยรู้สึกตกใจโดยธรรมชาติ เขาอดไม่ได้ที่จะถามฉางเซิ่งโป: “นักบวชลัทธิเต๋าคนนี้ คุณรู้จักเรือนจำของเราหรือไม่”
ฉางเซิงโปพูดอย่างเฉยเมย: “ไม่ใช่แค่รู้จักนะ ยังเคยกอดเขาตอนเด็กๆ ด้วย”
“ห๊ะ?!” เต๋าน้อยอึ้งไปชั่วขณะ!
เขาพึมพำอย่างช่วยไม่ได้: “บาทหลวงของเราอายุมากกว่าเจ็ดสิบปี และคุณกอดเขาเมื่อเขายังเด็ก ดังนั้นคุณก็อายุไม่ต่ำกว่าเก้าสิบปีไม่ใช่หรือ แต่ฉันคิดว่าคุณอายุเพียงหกสิบปีเท่านั้น” คุณ ดูแก่มาก…”
ฉางเซิงโป พูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันไม่สามารถบอกคุณได้อย่างชัดเจน คุณสามารถไปรายงานเขาได้ เพียงแค่บอกว่าปรมาจารย์ฉางชิง ต้องการพบเขา”
“ปรมาจารย์ฉางชิงตัวจริง… “นักพรตเต๋าตัวน้อยพึมพำ แม้ว่าฉันจะไม่เคยได้ยินชื่อลัทธิเต๋านี้เลย แต่เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ที่ไม่น่ามองของ ฉางเซิงโป เขาก็ไม่กล้าละเลย ดังนั้นเขาจึงพูดว่า: “โปรดตามฉันไปที่ห้องนั่งเล่น นักบวชลัทธิเต๋า ฉันจะรายงานต่ออาจารย์ ทันที แล้วให้อาจารย์ไปรายงานตัวต่อศาลปกครอง!”
บทที่ 5545
“หา! ห้าล้านหยวน จางเอ้อเหมาแกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!” เซียวฉางคุนสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขารีบโยนไม้สายฟ้าลงบนแผงตามเดิม
จางเอ้อเหมาพูดอย่างกระอั่กกระอ่วนว่า “โธ่ ท่านประธานเซียว คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมมีอาชีพอะไร หลอกลวงและขูดรีดเป็นสิ่งที่ผมถนัดที่สุด แต่ถึงอย่างไรผมไม่กล้าหลอกลวงท่านประธานเซียวหรอกครับ”
เซียวฉางคุนด่าออกมาอย่างฉุนเฉียว “ถ้าอย่างนั้นแกไปหลอกขายให้คนอื่นเถอะ ฉันไม่ยอมหลงกลแกแน่ๆ” พูดจบเซียวฉางคุนก็ยกมือไพล่หลังสบัดหน้าจากไปอย่างไม่แยแสแผงของจางเอ้อเหมาอีก”
จางเอ้อเหมามองดูเซียวฉางคุนเดินวางมาดผู้เชี่ยวชาญจากไปจนลับตา เขาก็ระบายลมออกมาจากปากดังเฮือกใหญ่ “ทำไมอาจารย์เย่กำชับให้ฉันเรียกราคาไม้นี้ถึงห้าล้านหยวน นี่ถ้าหากมีลูกค้ามาถามราคาสิบรายฉันก็คงต้องโดนก่นด่าทั้งสิบรายแน่ๆ จางเอ้อเหมาเอ๋ยจางเอ้อเหมาวันนี้นับว่าเป็นวันซวยของเจ้าแท้ๆ”
…
ขณะเดียวกันที่วัดฉางหยุนที่ตั้งอยู่ชานเมืองเย่นจิน วัดนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิของลัทธิเต๋ามาอย่างยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
วัดนี้เป็นที่นิยมศรัทธาของประชาชนที่นับถือเต๋า ที่ลานบูชาเต็มไปด้วยเครื่องเซ่นไหว้ตามกำลังศรัทธาของผู้มากราบไหว้ขอพร
วัดฉางหยุนมีเจ้าสำนักและศิษย์ในนิกายรวมแล้วไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน เจ้าสำนักมีหน้าที่เทศนาสั่งสอนหลักธรรมของเล่าจื๊อให้แก่สาธุชนทั่วไป แต่วัดนี้ยังมีผู้ควบคุมวัดอีกชั้นหนึ่ง
ฉางเซิงโปหนึ่งในสามขุนพลเอกของโปชิงฮุยได้มาหยุดยืนอยู่ที่ลานหน้าประตูวัด เขาหยุดยืนอยู่ครู่ใหญ่ๆจึงสาวเท้าก้าวเข้าไปในวัดทันที
ฉางเซิงโปที่ตอนนี้สวมใส่ชุดนักพรตเดินไปหยุดที่ลานด้านหน้าซึ่งจัดไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธามากราบไหว้องค์ซานชิงที่ประดิษฐานอยู่บนแท่นบูชาใหญ่
ฉางเซิงโปเป็นผู้มีวิทยายุทธที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับเย่เฉินและปรมาจารย์เมิ่งฉางเซิง เมื่อฉางเซิงโปเดินไปถึงแท่นบูชา เขาก้มลงกราบไหว้เช่นเดียวกับสาวกเต๋าทั่วๆไป
หลังจากกราบไหว้เสร็จสิ้นฉางเซิงโปจึงหันไปถามนักพรตน้อยที่ยืนอยู่ใกล้ๆว่า “ขอถามอาจารย์น้อย ถ้าฉันอยากพักค้างคืนที่นี่สักสองสามวันจะสะดวกหรือไม่?”
นักพรตน้อยเห็นลักษณะท่าทีของฉางเซิงโป น่าเลื่อมใสยิ่งนัก เขาจึงน้อมกายถามว่า “นักพรตท่านนี้ ไม่ทราบมาว่าเดินทางมาจากอารามเต๋าแห่งใด ท่านมีสัญญลักษณ์ประจำสำนักของท่านหรือไม่ ได้โปรดแสดงออกมา”
ฉางเซิงโปไม่มีโทสะ เขายิ้มแย้มกล่าวว่า “ต้องขออภัยอาจารย์น้อยด้วย สำนักของเราอยู่ที่ต่างประเทศจึงไม่สามารถแสดงสัญญลักษณ์ให้ดูได้ อาจารย์น้อยพอจะบอกได้ไหมว่าเจ้าสำนักของท่านมีชื่อว่าอะไร?”
นักพรตน้อยน้อมกายตอบว่า “เจ้าสำนักของพวกเราท่านมีนามเรียกหาว่า “ซิงซู ซานเหริน”
“ซิงซู?” ฉางเซิงโบยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าเป็นเจ้าทารกน้อยผู้นั้นที่ถูกซวนจีจือเก็บมาเลี้ยงเมื่อครากระโน้น?”
นักพรตน้อยตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของฉางเซิงโบ เจ้าสำนักซิงซู ซานเหรินตอนนี้มีวัยชรากว่าเจ็ดสิบปี เขาเกิดที่นอกด่านและถูกเก็บมาเลี้ยงโดยนักพรตซวนจีซี เขาได้ศึกษาวิชาความรู้ในลัทธิเต๋าจนช่ำชอง จนได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักในเวลาต่อมา เขาจึงถือว่าเป็นปรมาจารย์ของลัทธิเต๋าโดยแท้
แต่เจ้าสำนักซิงซู ซานเหรินที่อายุกว่าเจ็ดสิบปีกลับถูก นักพรตนิรนามผู้หนึ่งเรียกเขาว่าเป็นทารกน้อยไปได้ นักพรตน้อยจึงเอ่ยถามฉางเซิงโบด้วยความสงสัยว่า “ท่าน..ท่านรู้จักกับเจ้าสำนักของข้าพเจ้า?”
ฉางเซิงโบหัวร่อตอบว่า “ไม่เพียงแค่รู้จัก แต่เคยเลี้ยงดูเขาเมื่อตอนเยาว์วัยด้วย” นักพรตน้อยพึมพำออกมาอย่างงุนงงว่า “ท่านเรียกเจ้าสำนักชราของสำนักเราว่าทารกน้อย ท่านควรมีอายุเท่าใดกันแน่? แต่จากการสังเกตุด้วยสายตาท่านอายุเพียงแค่หกสิบปีเท่านั้น”
ฉางเซิงโบโบกมือให้นักพรตน้อยผู้นั้นหยุดพูดแล้วกล่าวด้วยความรำคาญว่า “เจ้าอย่าได้ว่ากล่าวมากความ เจ้าควรไปเรียกเขาออกมาพบฉัน บอกเขาเพียงว่า ฉางซิงต้องการพบเขา”
นักพรตน้อยสลัดศรีษะด้วยความมึนงง เขาไม่เคยได้ยินชื่อฉางซิงมาก่อน แต่เขาก็ได้เชื้อเชิญให้ฉางเซิงโบไปรอที่ห้องรับรองแขก จากนั้นเขารีบวิ่งเข้าไปในสำนักอย่างรวดเร็ว